Main Menu

Recent posts

#1

Toyota CAMRY 2023 2.5 Premium ที่สุดของความหรูหรา สะดวกสบาย และพื้นที่กว้างขวาง เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ให้การเดินทางของคุณทุกเส้นทาง เป็นเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ ไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป รุ่นนี้มีการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ดูเป็นสปอร์ต เหมาะกับไลฟ์สไตล์ทุกแบบ ด้วยแนวคิดแบบใหม่ ที่จะทำให้ทุกท่านรู้สึกประทับใจ ตั้งแต่ที่ได้ขับขี่ครั้งแรก
ขุมกำลังของ Toyota CAMRY 2023 2.5 Premium

เครื่องยนต์
•   รุ่นเครื่องยนต์ A25A-FKB แบบเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว D-4S VVT-iE
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 2,487 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 131 แรงม้า ที่/ 5,750 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 221/ 3,600-5,200 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   รองรับการใช้น้ำมัน E20
•   ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
•   แบตเตอรี่ไฮบริดแบบ นิกเกิลเมตัลไฮดราย
•   ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์-ขั่วโมง
•   กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 155 กิโลวัตต์

ดีไซน์ภายนอก
รุ่นนี้ได้ไฟหน้าและไฟท้าย LED แบบ HV ให้ความสว่างที่มากกว่าแบบปรกติ และไฟตัดหมอก ไฟเบรกดวงที่สาม และไฟเลี้ยวกระจก เป็นแบบ LED กระจกมองข้ามแบบปรับไฟฟ้า ที่ช่วยลดการเกาะของน้ำ พร้อมกับระบบการบันทึกแบบ Reverse Link และ Auto Retractable กระจังด้านหน้าและฝาท้าย เป็นแบบบโครเมียม ที่เพิ่มความหรูหรา และยังมีท่อไอเสียคู่ติดตั้งมาให้ด้วย

ดีไซน์ภายใน
ในตัว Toyota CAMRY 2023 2.5 Premium มีระบบปรับอากาศแบบ อัตโนมัติ 3 โซน (ปรับอิสระแยกซ้าย, ขวา, หลัง)  เบาะนั่งคู่หน้าปรับได้ทั้งหมด 8 ทิศทาง วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะได้เป็นหนังแบบ Smooth Leather และวัสดุสังเคราะห์ มีปุ่มปรับดันหลังแบบไฟฟ้าด้านคนขับ เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนแบบไฟฟ้าได้ มีที่วางแก้วน้ำและที่วางแขน

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ระบบสตาร์ตแบบอัจฉริยะและเปิดประตูอัจฉริยะ มีระบบการควบคุมเกียร์ที่พวงมาลัยได้ ระบบการเปิดปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ระบบที่ช่วยในการบันทึกตำแหน่งคนขับและกระจกมองด้านข้าง พวงมาลัยแบบปรับตำแหน่งด้วยระบบไฟฟ้า ที่ปัดน้ำฝนควบคุมการปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ และตั้งเวลาหน่วงได้ หน้าจอแสดงผลแบบสี ขนาด 7 นิ้ว สัญญาณเตือนระยะด้านท้าย 4 มุม และรองรับการใช้ไฟแบบไร้สายได้ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงได้ พร้อมกับม่านบังแดดผู้โดยสาร

ระบบความปลอดภัยของ Toyota CAMRY 2023 2.5 Premium
ระบบป้องกันล้อล็อก ระบบเบรกแบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรกแบบ EBD ตัวช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบการช่วยออกตัวเมื่ออยู่บนที่ลาดชัน เข็มขัดนิรภัยด้านหน้า 2 จุด และด้านหลัง 3 จุด ถุงลมนิรภัยระบบ SRS คู่หน้า ด้านข้าง ม่านคนขับ หัวเขาคนขับ และเบานั่งด้านหลัง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน กล้องมองขณะถอยหลัง และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ

ราคา
Toyota CAMRY 2023 2.5 Premium มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1,599,000 บาท

เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มียอดขายสูง สำหรับ รุ่นนี้ ได้ทั้งความหรูหรา สะดวกสบาย ความปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน รุ่นนี้ก็เหมาะกับคุณ เป็นที่สุดในรถเซคเม้นต์เดียวกันเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้าท่านใดที่ได้ลองขับรุ่นนี้ เชื่อว่าต้องติดใจแน่นอน
#2

Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 1.9 Ddi L DA A/T อีกหนึ่งรถกระบะในฝันของหลายๆ คน ที่อยากจะได้มาครอบครอง ด้วยความโฉบเฉี่ยว ดุดัน พละกำลังเยอะ จึงเหมาะที่จะใช้กับงานหนักๆ ทุกชนิด รุ่นของปี 2023 นี้ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกหลายอย่าง ซึ่งในปีก่อนๆ ยังไม่ได้เยอะขนาดนี้ มาดูกันว่าอะไรบ้างที่น่าสนใจ

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ในรุ่น Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 1.9 Ddi L DA A/T ได้เครื่องยนต์ใหม่แบบ RZ4E-TC, 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์
•    ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 1,898 CC
•    กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
•    แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
•    ระบบเกียร์ เกียร์ออโต้ 6AT
•    รองรับเชื้อเพลิงประเภท ดีเซล, ไบโอดีเซล B5, ไบโอดีเซล B20

ดีไซน์ภายนอก
Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 1.9 Ddi L DA A/T มาพร้อมกับไฟหน้าแบบฮาโลเจน ที่มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกด้านหน้าเป็นแบบ LED ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้นและไกลขึ้น มีไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED ไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอก บันไดสำหรับขึ้นสีเงิน ที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบอัตโนมัติ กระจกมองข้างมีระบบที่ช่วยในการไล่ฝ้าอัตโนมัติ

ดีไซน์ภายใน
ด้านในของ มีการตกแต่งด้วยหนังและหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ให้โอบกระชับมากขึ้น, มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบายความร้อน ไม่สะสมความร้อน, หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, จอมาตรวัดแบบ Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว พวงมาลัยสามารถปรับสูง-ต่ำ, และปรับระยะเข้า-ออกได้ ตามสรีระผู้ขับ มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสง, แสดงข้อมูลได้ครบถ้วน และโดดเด่นชัดเจน, ระบบควบคุมอุณหภูมิแยกซ้ายขวา

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 1.9 Ddi L DA A/T มีการเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น ระบบเบรกแบบ ABS ระบบช่วยกระจายแรก EBD และระบบเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ, ระบบช่วยเหลือในการเข้าจอดในที่แคบ, พร้อมเซ็นเซอร์ 8 จุด, ระบบเตือนในจุดอับสายตา, ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่คอยตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าได้อย่างแม่นยำแบบ Real Time ระบบเตือนขณะถอยหลัง, กุญแจแบบอัจฉริยะ มาพร้อมฟังก์ชันสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมท เมื่ออยู่ในระยะ 20 เมตร ระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว, ระบบช่วยออกตัวเมื่ออยู่ในที่ลาดชันและควบคุมความเร็วในที่ลาดชัน

ราคาจำหน่าย 875,000 บาท
เมื่อเห็นราคาแล้วทุกท่านอาจจะร้องว้าว ไม่คิดว่าออปชั่นขนาดนี้ จะได้กระบะรุ่นที่มีสมรรถนะสูงขนาดนี้ พร้อมกับระบบอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีต่างๆ ดีขนาดนี้ บอกเลยว่าใครที่ได้ลองขับ จะตัดสินใจได้ไม่ยากเลยว่ารุ่นนี้เหมาะกับคุณแค่ไหน ถ้าเทียบในราคาเดียวกัน Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 1.9 Ddi L DA A/T รุ่นนี้ยังไงก็ชนะขาด
#3

Ferrari รถในฝันของหลายคนทั่วโลก เป็นแบรนด์ชื่อดังสุดแข็งแกร่ง มีไสตล์รถเป็นของตัวเองไม่เหมือนใคร ด้วยรูปลักษณ์สุดเท่ เร็ว แรง ทุกสัดส่วน ทำให้ครองตลาดมาอย่างยาวนาน และบทความนี้จะนำเสมอรถทั้ง 10 รุ่นของ Ferrari ที่ถูกโหวตให้เจ๋งที่สุดตลอดกาล จะมีรุ่นไหนอยู่บ้างนั้น ไปดูกันเลย

TOP 10 Ferrari รุ่นที่ถูกโหวตให้เจ๋งที่สุดตลอดกาล

10. Ferrari 250 GT California Spyder SWB
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1960-1961 เป็นรุ่นเก๋าแต่สุดเท่ในยุคนั้นของจริง ความโด่งดังไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แล้วยังถูกเอาไปอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังมากมายหลายเรื่องอีกต่างหาก ด้านเครื่องยนต์คือ 3.0L, V12, 276 แรงม้า ระบบเกียร์เป็นแบบธรรมดา 5 Speed ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

9. Ferrari F12 berlinetta
สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 2012 และยังคงถูกผลิตเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน เพราะความนิยมที่มีนั่นเอง ด้านเครื่องยนต์คือ 6.3-litre V12, 730 แรงม้า ระบบเกียร์ 7 Speed twin-clutch ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 211 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

8. Ferrari F50
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1995-1997 ด้านเครื่องยนต์คือ 4.7L, V12, 513 แรงม้า ระบบเกียร์ 6-speed manual ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 202 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

7. Ferrari Dino 246
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1969-1974 ด้านเครื่องยนต์คือ 2.4L, V6, 195 แรงม้า ระบบเกียร์ 5-speed manual ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 148 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

6. Ferrari 365 GTB/4 Daytona
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1968-1973 ด้านเครื่องยนต์คือ 4.4L, V12, 352 แรงม้า ระบบเกียร์ 5-speed manual ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 174 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5. Ferrari 488 GTB
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 2015 และยังคงถูกผลิตเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน เพราะความนิยมที่มีนั่นเอง ด้านเครื่องยนต์คือ 3.9L twin-turbo, V8, 661 แรงม้า ระบบเกียร์ 7-speed dual clutch ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

4. Ferrari 125 S
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1947 ด้านเครื่องยนต์คือ 1.5L, V12, 118 แรงม้า ระบบเกียร์ 5-speed manual ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง สำหรับความเร็วสูงสุดของรถรุ่นนี้นั้น ไม่มีการระบุออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน

3. Ferrari 250 GTO
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1962-1964 ด้านเครื่องยนต์คือ  3.0L, V12, 300 แรงม้า ระบบเกียร์ 5-speed manual ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. Ferrari F355
    สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1994-1999 ด้านเครื่องยนต์คือ  3.5L, V8, 375 แรงม้า ระบบเกียร์ 6-speed manual or 6-speed electrohydraulic clutch auto ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 183 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

1.    Ferrari F40
สำหรับรุ่นนี้ได้ผลิตขึ้นมาในปี 1987-1992 ด้านเครื่องยนต์คือ  2.9-litre twin-turbo V8, 471 แรงม้า ระบบเกียร์ 5-speed manual ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดที่ 201 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
#4

Ford Ranger Raptor รุ่น 3.0 Twin-Turbo Ecoboost 4WD 10AT กระบะที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่ง และแรงที่สุดในบรรดาตลาดรถกระบะในไทย แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงกว่ากระบะยี่ห้ออื่นในบ้านเรา แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ใช้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูโดดเด่น สะดุดตา มาพร้อมกับฟังก์ชั่นความสะดวกสบายแบบจัดเต็ม ใครเห็นก็ต้องอดใจไม่ไหว

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
สำหรับ Ford Ranger Raptor รุ่น 3.0 Twin-Turbo Ecoboost 4WD 10AT มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ทั้งเครื่องยนต์แบบดีเซลและเครื่องยนต์แบบเบนซิน โดย
เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่
•   ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที
•   แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที
•   ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
•   ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เครื่องยนต์เบนซินแบบ วี 6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่
•   กำลังแรงม้าสูงสุด 397 แรงม้าที่ 5,650 รอบ/นาที
•   แรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที
•   เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
•   ขับเคลื่อน 4 ล้อ

ดีไซน์ภายนอก
มาพร้อมรูปแบบที่ดูดุดัน เหมาะกับทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นออฟโรด หรือออนโรด ตัวถังขนาดใหญ่ กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ เพิ่มความดุดัน ไฟหน้าแบบ Matrix LED แบบรมดำ มีระบบเปิดและปิดไฟอัตโนมัติ มีไฟส่องสว่างตอนกลางวัน พร้อมกับไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองด้านข้างเป็นแบบปรับไฟฟ้า และสามารถพับได้อัตโนมัติ มีไฟส่องสว่างด้านข้างตัวรถ พร้อมกับบันไดสำหรับเหยียบขึ้นรถ เพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้น ฝาท้ายเปิดง่ายขึ้น ด้วยตัวช่วยผ่อนแรง

ดีไซน์ภายใน
ในส่วนของด้านในของ Ford Ranger Raptor รุ่น 3.0 Twin-Turbo Ecoboost 4WD 10AT มีการตกแต่งด้วยวัสดุที่คุณภาพดีที่สุด ให้บรรยากาศในห้องโดยสารดูหรูหรา โอ่อ่ายิ่งขึ้น สามารถรับผู้โดยสารได้สูงสุด 5 ที่นั่ง เบาะเป็นเบาะหุ้มหนัง โดยเบาะคู่หน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ทั้งหมด 10 ทิศทาง หน้าจอขนาด 12 นิ้ว สามารถสั่งงานผ่านเสียงได้ รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Bluetooth พร้อมกับระบบเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบปรับอากาศในห้องโดยสารเป็นแบบอัตโนมัติ และแยกอิสระ ที่นั่งด้านหลังมีช่องแอร์เฉพาะ หน้าจอเรือนไมล์เป็นแบบดิจิตอลขนาด 12.4 นิ้ว มีแท่นสำหรับชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
ระบบเบรกแบบ ABS ระบบช่วยในการกระจายแรงเบรก ตัวช่วยควบคุมในการทรงตัว มีระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะที่ออกตัว ระบบช่วยในการออกตัวและหยุดบนที่ลาดชัน ตัวช่วยควบคุมความเร็วขณะรถลงเขา เบรกมือแบบไฟฟ้า ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง พร้อมกับการโทรฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ สัญญาณเตือนเมื่อเข้าจอด

ราคาจำหน่าย 1,919,000 บาท
Ford Ranger Raptor รุ่น 3.0 Twin-Turbo Ecoboost 4WD 10AT เปิดตัวที่ราคา 1,919,000 บาท เป็นรุ่นตัวท็อปเครื่องยนต์เบนซิน จะได้ฟังก์ชันพิเศษทุกอย่าง พร้อมกับความแรงที่เหนือระดับอีกขั้น ลุยไปได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะหนักหรือเบา
#5

ถ้านึกอยากจะเที่ยวทะเล หรือว่าเกาะสวยๆ สักที่ ก็ต้องนึกถึงทะเลแถวภาคใต้เป็นอันดับแรก เพราะว่าทะเลที่สวยที่สุดอยู่ภาคใดทั้งหมด และ อ่าวโตนด เกาะเต่า ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ก ที่อยากให้ทุกท่านได้ลองมาสัมผัสสักครั้ง จะได้รู้ว่าทะเลที่สวยจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร คนที่ได้ไปเที่ยวที่นี่ เชื่อว่าอยากจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน

กิจกรรมที่น่าสนใจ
สิ่งแรกที่คนนึกถึง เมื่อมาเที่ยวที่ อ่าวโตนด เกาะเต่า ก็คือการดำน้ำ ซึ่งจะเป็นการดำน้ำตื่น มีอะไรสวยๆ ให้ดูเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นปะการัง สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ และที่เกาะเต่า มีจุดให้ดำน้ำสวยๆ เยอะเลย มีเรือคายัคให้เช่าภายเล่นอีกต่างหาก เล่นทั้งวันก็ไม่เบื่อ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น
•   ชมวิว ที่อ่าวโตนด เกาะเต่า มีจุดชมวิวที่สวยงามเยอะเลย จะเห็นภาพทะเลสุดลูกหูลูกตา และดวงอาทิตย์ลับของฟ้า เป็นภาพที่จะเห็นจากมุมนี้เท่านั้น
•   กระโดดน้ำเล่น มีจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำกัน นั่นก็คือจุดที่เป็นหินผา ความสูงราว 10 เมตร สามารถปีนขึ้นไปแล้วกระโดดลงมาได้ ใครชอบท้าทาย บอกเลยไม่ควรพลาดเด็ดขาด
•   อาบแดด เมื่อคุณเล่นน้ำจนเหนื่อยล้า ที่นี่มีลานให้นอนอาบน้ำสบายๆ เยอะมาก มาทะเลทั้งที ถ้าไม่ลองอาบแดดเลย ก็เหมือนมาไม่ถึงทะเลนั่นแหละ
•   เรียนดำน้ำ ใครที่อยากจะฝึกดำน้ำ ที่นี่มีโรงเรียนฝึกด้วย จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง คุณจะดำน้ำได้อย่างถูกวิธีที่สุด และใช้เวลาในการฝึกไม่นานด้วย

การเดินทาง
สามารถเดินทางได้หลายวิธี ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถไฟ และเครื่องบิน เมื่อถึงที่ปลายทางแล้ว จะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะ มีให้เลือกทั้งเรือแบบด่วน แบบธรรมดา แบบด่วนพิเศษ เมื่อมาถึงเกาะแล้ว ท่านสามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวรอบเกาะได้อีกด้วย

ค่าบริการในการเข้าชม: ฟรี

ที่พักและอาหาร
ที่นี่มีที่พักให้เลือกเยอะมาก ทั้งแบบบ้านพัก รีสอร์ท บรรยากาศเงียบสงบดีมาก แล้วยังมีร้านอาหาร บาร์ ที่น่านั่งอีกเพียบเหมือนกัน รับรองว่ามาที่นี่ ประทับใจทั้งเรื่องที่เที่ยว ที่พัก แล้วก็อาหารการกินอย่างแน่นอน

พิกัดของ อ่าวโตนด เกาะเต่า
อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
#6

นักฟุตบอลบนโลกไม่นี้มีเยอะมากมายจนนับกันไม่ถ้วน ไล่มาตั้งแต่ระดับซูปเปอร์สตาร์จนไปถึงนักเตะโนเนมไร้ชื่อเสียงที่ยังไม่มีใครรู้จัก แต่พวกเขาเหล่านี้ต่างมีอาชีพเดียวกันคือนักฟุตบอล แล้วในปี 2023 นี้ ที่สื่อได้เข้าถึงนักฟุตบอลกันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน โดยเฉพาะทางอินสตาแกรม สื่อโซเชี่ยลยอดนิยมของโลกที่มีคนเล่นกันมากที่สุดในปัจจุบัน เช่นเดียวกับนักฟุตบอลต่างมี IG ส่วนตัวกันแทบทุกคน แล้วในวันนี้จะพามาดูว่าในบรรดานักเตะทั้งโลก Top 10 ที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกเป็นใครกันบ้าง แล้วมียอดติดตามอยู่ที่เท่าไหร่

TOP 10 นักฟุตบอลที่มียอดติดตามทาง IG มากที่สุดในปี 2023

10. ปอล ป็อกบา ยอดติดตาม 60.5 ล้านคน
กองกลางจอมแฟชั่นที่มีลีลาการเล่นที่แสนเร้าใจ แต่ในช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังจากอาการบาดเจ็บทำให้ฟอร์มหายไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้สังกังยูเวนตุส

9. เซร์คิโอ รามอส ยอดติดตาม 60.8 ล้านคน
หนึ่งในกองหลังระดับซูปเปอร์สตาร์ของโลก และเขาพึ่งจะย้ายกลับมาอยู่กับ เซบีญ่า ทีมสร้างชื่อของเขาแบบสดๆร้อนๆในตลาดซื้อ-ขายนักเตะประจำซัมเมอร์ 2023 นี้

8. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยอดติดตาม 62.2 ล้านคน
ยอดกองหน้าขวัญใจแฟนบอลของลิเวอร์พูล ด้วยพัฒนาที่ยอดเยี่ยมในช่วงหลายปีหลัง ได้ยกระดับเขาจากกองหน้าทั่วไปสู่กองหน้าระดับซูปเปอร์สตาร์ที่ทุกคนยอมรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

7. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยอดติดตาม 62.8 ล้านคน
นักเตะระดับซูปเปอร์สตาร์อีกคนของโลกในช่วงหลาย 10 ปีหลัง นี่คือนักเตะคุณภาพอย่างแท้จริง เรื่องฝีเท้าไม่ว่าคุณจะชอบเขาหรือไม่ แต่มันคือของแท้

6. มาร์เซโล่ ยอดติดตาม 65.2 ล้านคน
นี่คือชื่อแรกที่นึกถึงหากต้องเลือกแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกในรอบ 20 ปีมานี้ เพราะฝีเท้าของ มาร์เซโล่ อยู่ในระดับสูงไม่เคยตกจริงๆ

5. คาริม เบนเซม่า ยอดติดตาม 74.4 ล้านคน
เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนล่าสุด แล้วถึงแม้จะพึ่งย้ายมาเล่นในซาอุในปี 2023 แต่ความนิยมของเขาไม่ตกลงไปเลย นี่คือสุดยอดดาวยิงที่มีการยิงประตูสุดเฉียบคมคนหนึ่ง

4. คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยอดติดตาม 108 ล้านคน
ว่าที่นักเตะหมายเลข 1 ของโลกคนต่อไป เอ็มบัปเป้ เรื่องความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด นี่คือนักเตะในฝันที่ทุกทีมอย่างจะมี

3. เนย์มาร์ ยอดติดตาม 214 ล้านคน
ถูกยกย่องว่าเป็นรองแค่เพียง โรนัลโด้ กับ เมสซี่ เท่านั้นในเรื่องความเก่งกาจสำหรับ เนย์มาร์ ล่าสุดเขาพึ่งจะย้ายมาเล่นกับ อัล ฮิลาล ในลีกซาอุ พร้อมรับค่าจ้างมหาศาล

2. ลิโอเนล เมสซี่ ยอดติดตาม 485 ล้านคน
สุดยอดของสุดยอดนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดตลอดกาล นี่คือนิยามสั้นของ เมสซี่ ที่บ่งบอกได้ว่าเขาสุดยอดขนาดไหน ตอนนี้ค้าแข้งอยู่กับ อินเตอร์ ไมอามี่

1.   คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดติดตาม 603 ล้านคน
ไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้กลายเป็นกระแสไปหมด โรนัลโด้ หรือ CR7 คือนักฟุตบอลที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกคนปัจจุบัน
#7

ประวัติ โธมัส ซูเช็ค มิดฟิลด์ทีมชาติเช็กของ เวสต์แฮม
ทีมชาติ : เช็ก 60 นัด – 9 ประตู (2016-?)
สโมสรปัจจุบัน : เวสต์แฮม 158 นัด – 22 ประตู (2020-?)


โธมัส ซูเช็ค (Tomáš Souček) เกิดวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1995 ที่ประเทศเช็ก เริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับอคาเดมี่ของ Slovan Havlíčkův Brod จากนั้นในปี 2005 ย้ายเข้าอคาเดมี่ของ สลาเวีย ปราก แล้วได้สัญญาอาชีพ ในปี 2014 โดยในฤดูกาล 2014/15 ถูกปล่อยให้ วิคตอเรีย ซิซคอฟ ยืมตัวไปใช้งาน ลงเล่น 14 นัด 0 ประตู

ฤดูกาล 2015/16 สลาเวีย ปราก เลือกใช้บริการของ โธมัส ซูเช็ค ลงเล่น 31 นัดรวมทุกรายการ ยิง 9 ประตู แต่ในฤดูกาลต่อมา (2016/17) กลับถูกส่งให้ สโลวาน ลิเบเรซ ยืมตัวไปใช้งาน ได้ลงเล่นแค่ 14 นัดรวมทุกรายการ 0 ประตู จากนั้นในฤดูกาล 2017/18 ซูเช็คถูกเรียกกลับมาใช้งานอีกครั้ง ยิง 3 ประตูจาก 39 นัดรวมทุกรายการ ต่อเนื่องด้วยการยิง 18 ประตูจาก 49 นัดรวมทุกรายการ มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกชมป์เช็ก พ่วงด้วยแชมป์เช็กคัพ

ฤดูกาล 2019/20 โธมัส ซูเช็ค ยังเป็นกำลังสำคัญของ สลาเวีย ปราก เช่นเดิม ลงเล่น 26 นัดรวมทุกรายการ ยิง 12 ประตู แล้วถูกส่งให้ เวสต์แฮม ยืมตัวไปใช้งานในครึ่งฤดูกาลหลัง เปิดตัววันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 ในพรีเมียร์ลีก นัดที่ 25 ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลางร่วมกับ มาร์ก โนเบิ้ล อยู่ในสนาม 85 นาที ช่วยให้ทีมเสมอ ไบรท์ตั้น 3-3 ทั้งที่นำก่อน 3-1 จากนั้นยังได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2020 พรีเมียร์ลีก นัดที่ 32 ซูเช็ค ยิง 1 ประตูช่วยให้ทีมชนะ เชลซี 3-2 จบฤดูกาลนั้น ด้วยการยิงในลีก 3 ประตูจาก 13 นัด

จากผลงานดังกล่าวทำให้ เวสต์แฮม ตัดสินใจซื้อตัว โธมัส ซูเช็ค มาร่วมทีมแบบถาวร แล้วเป็นแกนหลักของทีม ลงสนาม 41 นัดรวมทุกรายการ ยิง 10 ประตู แล้วได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก ครบทั้ง 38 นัด (ตัวจริง 38) ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรเวสต์แฮม ในฤดูกาลนั้น (2020/21)

ฤดูกาล 2021/22 โธมัส ซูเช็ค ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องกว่า 51 นัดรวมทุกรายการ ยิง 6 ประตู หนึ่งในนั้นคือการยิงใส่ เซบีญ่า (ชนะต่อเวลา 2-0) ในฟุตบอล ยูโรป้าลีก รอบ 16 ทีมนัด 2 พาทีมผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่าย แฟรงค์เฟิร์ต 1-2 และ 0-1 จอดป้ายแค่รอบนั้น

ฤดูกาล 2022/23 เวสต์แฮม ฟอร์มออกทะเลในช่วงต้นฤดูกาล จนตกเป็นทีมหนีตกชั้น อย่างไรก็ตาม ซูเช็คยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ ลงเล่น 50 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 ประตู ช่วยให้ขุนค้อนรอดตกชั้น พร้อมกับคว้า แชมป์ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก 2022/23 ไปครองด้วยการเอาชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1 โดยมีส่วนในการลงเล่น 9 จาก 13 นัด

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) โธมัส ซูเช็ค ยังอยู่กับ เวสต์แฮม ลงเล่น 3 นัด 0 ประตู
#8

ถ้าถามว่ากองกลางตัวรุกในพรีเมียร์ลีก มีใครบ้างที่น่าจับตา ชื่อของ เมสัน เมาท์ ก็คงเป็นตัวเลือกหนึ่งในนั้น ซึ่งปัจจุบันลงเล่นให้กับเชลซี และเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในฐานะนักเตะทีมชาติด้วย ลองมาดูประวัติความเป็นมาของชายคนนี้กัน ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง

ชื่อเต็ม เมสัน เมาท์
วันเกิด 10 มกราคม ค.ศ. 1999
สถานที่เกิด พอร์ตสมัท ประเทศ อังกฤษ
ส่วนสูง 1.81 ม. (5 ฟุต 11 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ เมสัน เมาท์

ชีวิตของ เมสัน เมาท์ ต้องบอกว่าคลุกคลีกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็เกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักฟุตบอลเก่า และเป็นโค้ช ดังนั้น เมาท์ เลยได้อยู่ลูกฟุตบอลตั้งแต่นั้นมา เขาเริ่มเล่นบอลให้กับทีม บอร์ฮันท์ โรเวอร์ส และ พอร์ทสมัธ ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้น และหลังจากวันนั้นเอง เขาก็ได้กลับมาฝึกฝีเท้าให้จริงจังมากขึ้น เพื่อความฝันของการเป็นนักฟุตบอลตัวจริง

เมื่ออายุได้ 18 ปี เมาท์ ได้ไปโลดแล่นในลีกของเนเธอร์แลนด์  ครั้งแรกไปในสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาล และได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เมื่อเดือน สิงหาคม โดยนั่งเป็นตัวสำรอง ผลงานในช่วงที่ยืมตัวของ เมาท์ ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ เพราะว่าทำประตูไม่ได้ และทีมพ่ายแพ้อยู่หลายครั้ง แต่ก่อนที่จะหมดสัญญา เขาก็เริ่มทำประตูได้ จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม จากนั้นก็ได้ย้ายไปร่วมทีมกับ ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ ทีม แชมป์เปี้ยนชิพ ด้วยสัญญาการยืนตัวเช่นกัน แต่ เมาท์ ก็มีอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง เลยทำให้ถูกพักเป็นเวลานาน

และในเดือน กรกฎาคมปี 2562 เมาท์ ก็ได้เซ็นต์สัญญากับทีม เชลซี เป็นสัญญาระยะยาว 5 ปี ครั้งนั้นทีมเชลซียังอยู่ภายใต้การคุมทีมของ แลมพาร์ด ประตูแรกของ เมาท์ ทำได้ระหว่างเจอกันกับทีม เลสเตอร์ ซิตี้ และหลังจากวันนั้น ฟอร์มของ เมาท์ ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาเล่นเข้ากับเพื่อนๆ ได้ดีขึ้น และฤดูกาลที่ฟอร์มของเขาโดดเด่นที่สุด ก็คือในปี 2020-2021 ซึ่งทีมเชลซีได้แชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก แม้ว่าจะเป็นทีมที่มีแต่นักเตะอายุน้อย แต่ก็สามารถทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และในปีนั้นนั่นเอง ชื่อของ เมสัน เมาท์ ก็มีชื่อติด 1 ใน 30 คนที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง บัลลงก์ ดอร์ ในปี 2021 อีกด้วย

รางวัลส่วนตัว

•   นักเตะอะคาเดมียอดเยี่ยมแห่งปีของเชลซี : 2016–17
•   นักเตะทองคำชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี : 2017
•   ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเรดิวิซี: 2017–18
•   นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเชลซี : 2020–21 , 2021–22
•   ทีมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกประจำฤดูกาล : 2020–21
#9

Solly March สโมสรปัจจุบัน : ไบรท์ตั้น 278 นัด ยิง 25 ประตู

ซอลลี่ มาร์ช เกิดวันที่ 20 กรกฎาคม 1994 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร Eastbourne Borough ทีมในบ้านเกิดช่วงปี 2009-2010 แล้วในปี 2011 ได้ย้ายไปอยู่ในอคาเดมี่ของ ไบรท์ตั้น แล้วได้ลงเล่นอาชีพกับทีมในปี 2013
ฤดูกาล 2012/13 ขณะที่ ไบรท์ตั้น อยู่ใน แชมป์เปียนชิพ ซอลลี่ มาร์ช ยังไม่ได้รับโอกาส จากนั้นในฤดูกาล 2013/14 เขาได้ลงเล่น 28 นัด ยิง 1 ประตู แต่ยังช่วยอะไรทีมได้ไม่มากนัก แล้วอีก 2 ฤดูกาลถัดมา เขาลงเล่น 13 กับ 17 นัด ตามลำดับ ยังไม่ใช่กำลังสำคัญของทีม และยังช่วยทีมได้ไม่มากนัก

ฤดูกาล 2016/17 ซอลลี่ มาร์ช ในช่วง 15 นัดแรก เขาไม่ได้ลงสนามเลย หลังจากนั้น ได้ลงเล่น 27 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 ประตู พ่วง 3 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญในการพา ไบรท์ตั้น ได้รองแชมป์เดอะแชมป์เปียนชิพ คว้าตั๋วลุย พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2017/18 ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2017/18 ซอลลี่ มาร์ช ได้สัมผัส พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก และกลายเป็นตัวหลักของทีมตลอดฤดูกาลนั้น เขาลงเล่นพรีเมียร์ลีก 36 นัด ยิง 1 ประตู พ่วง 3 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมอยู่รอดปลอดภัย ห่างจากโซนตกชั้น 7 คะแนน แล้วอีก 4 ฤดูกาลต่อมา ซอลลี่ มาร์ช ยังเป็นกำลังสำคัญของ ไบรท์ตั้น อยู่เช่นเดิม แม้ทีมจะอยู่ครึ่งล่างของตาราง แต่ก็เอาตัวรอดได้ทุกฤดูกาล

ฤดูกาล 2021/22 ไบรท์ตั้น ภายใต้การดูแลของ เกรแฮม พอตเตอร์ ผลงานดีขึ้นผิดหูผิดตา ซอลลี่ มาร์ช ก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญนั้น เขาได้ลงสนาม 33 นัดรวมทุกรายการ จบอันดับ 9 แล้วด้วยผลงานดังกล่าว ทำให้ เกรแฮม พอตเตอร์ กลายเป็นกุนซือเนื้อหอม แล้วถูก เชลซี ดึงตัวไปคุมทีม
ฤดูกาล 2022/23 ไบรท์ตั้น เปลี่ยนกุนซือเป็น โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ซึ่งเขายังคงใช้บริการของ ซอลลี่ มาร์ช เช่นเดิม ผนึกกำลังกับ คาโอรุ มิโตมะ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, มอยเซส ไคเซโด้ และ ปาสกาว กรอซ ช่วยให้ ไบรท์ตั้น บินสูงถึงอันดับ 6 โดยที่ มาร์ชเป็นกำลังสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ ได้ลงสนาม 39 นัดรวมทุกรายการ ยิง 8 ประตู พ่วง 8 แอสซิสต์ โดย 2 จาก 8 ประตู เกิดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม 2023 ที่ทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-0 นั่นเป็นฟอร์มที่ดีที่สุด นับตั้งแต่เขาค้าแข้งมา 10 ปี

ฤดูกาล 2023/24 ซอลลี่ มาร์ช ยังอยู่กับ ไบรท์ตั้น เช่นเดิม ผ่าน 2 นัดในพรีเมียร์ลีก เขายิงไปแล้ว 3 ประตู นำเป็นดาวซัลโวของลีก
ในส่วนของทีมชาติ ซอลลี่ มาร์ช เคยรับใช้ทีมชาติอังกฤษ U20 (4 นัด) U21 (3 นัด) แต่ยังไม่เคยสัมผัสเกมกับทีมชาติชุดใหญ่
ข้อมูลถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2023
#10

ดอยอินทนนท์ แหล่งท่องเที่ยวที่คนนิยมเที่ยวมากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวด้วยแล้ว ที่นี่มีคนแน่นหนามาก เรียกว่ามาทั่วสารทิศเลย ในชีวิตนี้คุณควรได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของจริงสักครั้ง และดอยอินทนนท์นี่แหละ จะทำให้คุณรู้จักคำว่าสวยงามอย่างแท้จริง เพราะว่าผืนป่าของที่นี่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ เลยทำให้อากาศดีด้วย ถ้าใครวางแผนว่าจะไปเที่ยวให้ได้สักครั้ง ก่อนที่จะไปที่นี่ ก็ต้องมีการเตรียมข้อมูลเสียก่อน มาดูกัน เราก็มีสถานที่ที่สวยๆ มาแนะนำทุกท่านด้วย

ที่เที่ยวที่น่าสนใจ 

• ยอดดอยอินทนนท์ เป็นจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 2,565 เมตร คุณจะเห็นความสวยงามของธรรมชาติแบบสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว และเมื่อแวะมาถึงที่นี่แล้ว ก็อย่าลืมเก็บภาพคู่กับป้ายกลับไปด้วย เดี๋ยวคนจะไม่เชื่อว่ามาถึงแล้ว
• อ่างกา จะเป็นเส้นทางในการศึกษาธรรมชาติที่สวยงามอย่างยิ่ง มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวของธรรมชาติ โดยระยะทางในการเดินทางศึกษาทั้งหมดประมาณ 360 เมตร ด้วยการเดินไปบนสะพานไม้ที่เจ้าหน้าที่ได้ทำเอาไว้
• กิ่วแม่ปาน อันนี้ก็เป็นเส้นทางในการศึกษาธรรมชาติเช่นเดียวดัน ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร ระหว่างทางเดินจะเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ อย่างเช่น พวกเฟิร์น มอส เป็นต้น ทำให้รู้สึกเหมือนกับอยู่สวรรค์ยังไงอย่างนั้นเลย
• น้ำตกสิริภูมิ เป็นการชมน้ำตกจากระยะไกลๆ แต่หากต้องการเข้าไปใกล้ ต้องเดินทางต่อไปอีก ธรรมชาติโดยรอบน้ำตกนั้น ต้องบอกว่าสวยงามสุดๆ
• น้ำตกแม่ยะ เป็นน้ำตกที่เราไม่อยากให้ทุกท่านพลาดเลย เพราะว่าสวยงามจริงๆ ลักษณของน้ำตกที่นี่จะเป็นเหมือนกับขั้นบันได ทั้งหมด 30 ขั้น มีความสูงทั้งหมดประมาณ 260 เมตร และธรรมชาติรอบน้ำตกก็สวยงามไม่แพ้กัน
• น้ำตกผาดอกเสี้ยว ลักษณะของน้ำตกที่นี่เป็นแบบขั้นบันได มีทั้งหมดประมาณ 10 ชั้น สวยงามมากเลยแหละ ยิ่งประกอบกับธรรมชาติโดยรอบแล้วด้วย ยิ่งดูงดงามมากขึ้นไปอีก

การเดินทาง
การเดินทางไปเที่ยวค่อนข้างสะดวก สามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัว รถโดยสาร หรือว่ารถไฟได้เลย ส่วนเส้นทางในการขึ้นดอยนั้น คนขับต้องมีประสบการณ์สูงทีเดียว เพราะว่าเส้นทางค่อนข้างอันตราย แม้ว่าจะเดินทางสะดวก ประมาทไม่ได้เลย

ค่าบริการในการเข้าชม

นักท่องเที่ยวชาวไทย
• เด็ก/นักศึกษา 30 บาท
• ผู้ใหญ่ 60 บาท
• อายุ 60 ปีขึ้นไปฟรี
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
• เด็ก 150 บาท
• ผู้ใหญ่ 300 บาท

ที่พักบนดอยอินทนนท์
บนดอยมีบ้านพักหลายราคาให้เลือก มีทั้งแบบบ้านพักทั่วไป รีสอร์ท นอกจากนี้ยังมีที่กางเต้นท์ด้วย หากท่านต้องการจองที่พัก ต้องจองล่วงหน้าก่อน ยิ่งช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวก็ยิ่งมากตามไปด้วย

สถานที่ตั้งของ ดอยอินทนนท์
อยู่ที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่